วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Bantering, 7



Bantering, 7
เป็นห่วงเป็นใย



ผมมั่นใจที่สุดเลยว่าตัวเองทำถูกแล้ว ผมก้าวขาออกมาจากบ้านหลังนั้นทั้งน้ำตาผมร้องไห้งั้นเหรอ? แล้วทำไมผมต้องร้องไห้เพราะผู้ชายใจร้าย โกหกหลอกลวงคนนั้นด้วยละครับ
ผมจะไม่ร้องไห้เพราะเค้าอีกแล้ว!!!
หลังจากที่กลับมาถึงตรัง ผมไม่ได้โทรบอกพ่อด้วยซ้ำแต่จะว่าไปผมมาแบบไม่ได้ตั้งตัว พอกลับมาถึงบ้านเหมือนอะไรหลายๆ อย่างจะเปลี่ยนไป พ่อรับคนงานใหม่หรือจะพูดให้ถูกคนดูแลเดือนสิบสองซะมากกว่าเพราะเธอบอกว่าพี่เซย์เป็นคนส่งมา แต่ที่ทำให้ผมตกใจคงเป็นเรื่องของเดือนสิบสองที่ถูกจับตัวไปละมั้ง
ขนาดผมยังตกใจแล้วพ่อจะไหวเหรอ? ผมเข้าไปหาท่านในห้องดูก็รู้ว่าพ่อเครียดมากแค่ไหนถ้าเป็นเวลาปกติท่านจะตกใจที่เห็นผมแต่นี่กลับไม่มีอะไรมากไปกว่าสีหน้าเศร้าๆ พอคุยกันไม่นานพ่อก็ร้องไห้
พ่อเลี้ยงจอมพลมีน้ำตางั้นเหรอ?
ผมแอบอิจฉาเดือนสิบสองแล้วสิครับ ดูก็รู้ว่าพ่อคงรักมากไม่งั้นคงไม่นั่งเครียดแล้วก็ฝืนตัวเองอยู่แบบนี้หรอกครับ
หนึ่งวันผ่านไปเหมือนหนึ่งเดือนพ่อดูไม่ดีขึ้นเลย ข้าวเช้าไม่ยอมกินส่วนผมก็ด้วยกินไม่ลงหรอกเพราะในสมองมันกำลังเครียดอยู่
วันนี้ที่บ้านดูจะวุ่นๆ เพราะทุกคนต่างก็รอว่าเมื่อไหร่พวกที่จับตัวเดือนสิบสองไปจะติดต่อกลับมาสักที ผมเองก็รอเหมือนกัน!!! พอพี่เซย์มาผมก็ปล่อยให้พ่อได้คุยแล้วออกมาเดินเล่นแต่ทว่าขาทั้งสองข้างมันกลับไม่มีเรี่ยวแรง ผมจำได้ว่าเพิ่งมาถึงแถมนอนได้คืนเดียวแต่นี่มันอะไรทำไมเค้าถึงมายืนอยู่ตรงหน้า
“มาทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้นะ! มันเป็นคำพูดประโยคแรกที่ผมสามารถเอ่ยออกมาจากปากได้ และแน่นอนว่าผมยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเค้าแม้ว่าหัวใจมันจะเต้นแรงมากแค่ไหนก็ตามแต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้สิครับ

“พี่ขอโทษ” ผมไม่อยากได้ยินคำนี้ด้วยซ้ำไปเพราะความหมายของมันคล้ายกับคนที่กำลังทำผิดและยอมรับผิดง่ายๆ อย่างที่เค้ากำลังทำและทำมาตลอด
ผมเกลียดเค้าใช่ไหม?
คงเพราะเสียงของผมละมั้งทำให้พ่อต้องออกมาดูและเชิญเค้าเข้าไปในบ้านทั้งๆ ที่ผมไม่อยากเจอ ผมตัดสินใจเดินหนีกลับเข้าห้องทันที ผมร้องไห้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
ตึกๆ ตักๆ
และนี่ก็ด้วยทั้งๆ ที่ผมกำลังโกรธเค้าอยู่แต่ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงทุกครั้งที่รู้สึกว่าเค้าอยู่ใกล้ๆ
แอด!!!
ผมนั่งอยู่ในห้องได้สักพักเสียงประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ถ้าผมรู้ว่าเค้าจะตามมาผมน่าจะล็อกมันไปตั้งนานแล้วหรือเพราะจริงๆ ผมกำลังรอเค้ากันแน่เราสองคนสบตากันก่อนที่ผมจะกลืนก้อนสะอื้นให้หายไปและเปล่งเสียงไล่เค้าทันที
"กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้นะ!" ผมมั่นใจว่าอยากจะไล่เค้ามากๆ แต่ทุกครั้งที่พูดน้ำตาก็แทบอยากจะไหลออกมาอยู่เรื่อยเลย

"คิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะยอมกลับง่ายๆ เหรอ? ในเมื่อตั้งใจแล้วว่าจะมาตามกลับ..." เค้าบอกกับผมแววตานิ่งมากก่อนจะปิดประตะล็อกกลอนแล้วเดินเข้ามาหา ผมมองหน้าเค้าประหม่าไปเลยทีเดียวก่อนจะขยับตัวหนี

"ไม่กลับ!!!" ตั้งใจมารับงั้นเหรอ? โกหกทั้งนั้นแหละในเมื่อทุกอย่างที่ทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นแล้วจะมาแคร์ความรู้สึกผมทำไม

"ก็ดี! งั้นก็ไม่ต้องกลับมันทั้งคู่นี่แหละ" ผมไม่รู้ว่าเค้าไปเอานิสัยดื้อรั้นแบบเด็กๆ มาจากไหนทั้งๆ ที่การกระทำแบบนี้เป็นผมมากกว่าที่มักจะแสดงให้เค้าเห็น

"จะบ้าเหรอ? บอกไปแล้วไงว่าจะหย่า" ใจจริงผมอยากหย่างั้นเหรอ? ผมก็ไม่รู้หรอกครับแต่ที่แน่ๆ มันรู้สึกจุกไปหมดเลยเหมือนผมคนเดียวซะมากกว่าที่ไม่เคยรับรู้อะไร
คนโง่ ที่รู้สึกอยากจะโง่ตลอดไป

"ไม่หย่า!!!" เสียงดังฟังชัดมากก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวขาขึ้นมานั่งบนเตียงเดียวกับผม ผมไม่อยากเข้าใกล้เค้าเลยจนต้องขยับหนีอยู่เรื่อยๆ จนมันสุดทางตันแล้ว

"อย่ามาดื้อ แก่แล้วนะ" ผมว่าเค้าเบือนหน้าหนีผมไม่อยากสบตาเค้าเลยเพราะหัวใจมันยังเต้นแรงไม่หยุด

"ใครดื้อก่อนกันแน่ กับอีแค่เคยมีลูกมาแล้วถึงขั้นจะหย่าเลยเหรอ?" พูดได้ดีนี่กับอีแค่เคยมีลูกมาแล้วผมก็ได้แต่แสยะยิ้มให้ตัวเองนึกไม่ออกเลยว่าความรู้สึกตอนนี้มันคืออะไรรู้แค่ว่ามันสั่นไปหมดแล้ว

"กะ...ก็ไม่ได้รักกันจะอยู่กันไปทำไม" ผมไม่อยากพูดจากลับไปด้วยน้ำเสียงแบบนี้หรอกนะแต่เพราะมันห้ามตัวเองไม่ได้ ส่วนเค้าก็เริ่มที่จะขยับเข้ามาหาผมเรื่อยๆ

"แล้วรู้ได้ยังไงว่าไม่รัก คำพูดนี้ใครกันแน่ที่ต้องถาม" คำพูดของเค้าทำเอาผมต้องหันไปมองและสบตากันจนได้สินะแถมมันยังเป็นน้ำเสียงที่ดุดันมากๆ จนผมไม่พอใจเลยทีเดียว

"อย่ามาขึ้นเสียงนะอาวุธ" เค้าขึ้นเสียงมาผมก็ขึ้นเสียงกลับ

"ทำไม!"
ถามมาได้ว่าทำไมก็มันรู้สึกแย่นะสิยิ่งเห็นหน้ายิ่งอยากจะร้องไห้ ยิ่งอยู่ใกล้หัวใจมันก็ยิ่งเต้นแรงไปทุกที

"ออกไป! แล้วไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกนะ" ผมคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าไล่เค้ากลับหรอกครับ

"ก็เป็นอยู่แบบนี้แหละแล้วเมื่อไหร่จะโตสักที มีอะไรก็เอาแต่ใช้อารมณ์ไม่ได้ดั่งใจก็คิดจะหย่าแล้วหนีกลับบ้าน..." คำพูดของเค้าเหมือนกำลังตัดพ้อผมอยู่และแน่นอนมันทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของผมรู้สึกร้อนไปหมดจนสุดท้ายน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้
ใครเค้าอยากจะร้องไห้กัน แบบนี้มันแย่สุดๆ ไปเลย T-T

"อะ...อึก อย่ามาว่าเค้านะ"

"หรือไม่จริงละจา พี่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ! งานก็ต้องทำเมียก็ต้องง้อ" ก็แค่เมียในกระดาษแผ่นเดียวทำไมต้องยึดติดด้วย หย่ากันไปก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือไงกัน

"ก็ไม่ต้องง้อสิ ฮือๆ"

"พี่ไม่อยากทำให้ร้องไห้หรอกนะ แต่จาเองไม่ใช่เหรอที่ดื้อจนทำตัวรั้นแบบนี้" น้ำเสียงของเค้าเริ่มอ่อนลงแต่แน่นอนคำพูดที่ออกมาเหมือนกำลังสอนและพยายามอ้อนวอน

"ฮือๆ"

"กลับบ้านเถอะนะ พี่ขอร้อง" เกลียดสรรพนามที่เค้าเรียกแทนตัวเองว่าพี่ที่สุดเลย เพราะยิ่งฟังมันยิ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนมากๆ เลยด้วย

"อะ อึก มะ ไม่กลับ" ดื้อได้ก็ดื้อไปจาวาซะอย่างใครจะทำไม แถมตอนนี้ร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก ผมเห็นสีหน้าของอาวุธเริ่มเปลี่ยนไปเค้าเองก็คงแย่ไม่ต่างไปจากผมหรอกครับ มันไม่เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกันแต่เหมือนเค้ากำลังอ่อนข้อให้กับผม ไม่งั้นคงไม่พูดจาดีๆ แบบนี้หรอกทั้งๆ ที่ผมเอาแต่ดื้อใส่ตลอด

"จาวา!"

"จะไม่กลับ ไม่กลับไปอีกแล้ว..." ผมเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง ส่วนคนตรงหน้าก็ขยับเข้ามาหาผมจนตอนนี้เราอยู่ใกล้กันนิดเดียวมือหนายื่นมาตรงหน้าเพื่อที่จะเกลี่ยน้ำตาให้แต่ผมกลับเบือนหน้าหนี

"ในเมื่อพูดจาดีๆ ก็ไม่ยอมงั้นคงต้องผูกมัดให้ครบสูตร" น้ำเสียงของเค้าเริ่มเปลี่ยนไปจนผมชักกลัว
หมับ!
และแน่นอนว่าท่าทางก็ด้วยเพราะตอนนี้มือหนาทั้งสองข้างรั้งแขนของผมเอาไว้จนแน่นและบังคับให้ผมหันหน้ากลับมามองเค้า

"ผูกมันอะไร อ๊ะ! ออกไปไกลๆ เลยนะ" ผมออกปากไล่เมื่อเค้าขยับหน้าเข้ามาใกล้จนตอนนี้มันจะชิดกันอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ผลแฮะ

"นิตินัยก็สมบรูณ์แล้ว ก็เหลือแต่พฤตินัยนี่แหละ"
ตุบ!
เจ็บนิดๆ เพราะเค้าบังคับให้ผมนอนราบลงไปกับเตียงก่อนที่จะใช้ขาข้างหนึ่งเพราะยันร่างของผมเอาไว้ส่วนมือของเค้าก็รวบข้อมือผมไว้เหนือหัว เค้าทำทุกอย่างได้ง่ายดายมากจนผมไม่มีแรงจะสู้เลยทีเดียว

"อาวุธ!"

"หึ, พูดดีๆ ไม่ฟังงั้นก็เป็นเมียมันอย่างสมบรูณ์ไปเลยละกัน" ผมเกลียดน้ำเสียงและคำพูดประโยคนี้ของเค้าจังเลยครับ มันดูน่ากลัวเป็นบ้า
หืม? แล้วนี่มันอะไรกันทำไมเค้าต้องเลื่อนหน้าเข้ามาหาผมเรื่อยๆ ด้วย ไม่นะผม
อื้อ! ขัดไม่ได้ดิ้นก็ลำบากจนสุดท้ายถูกจูบจนได้สินะ ใครกันที่เป็นคนบอกว่าจะไม่แตะต้องผมอีกแล้วนี่มันอะไร

“ยะหยุด” ผมดิ้นสุดกำลังที่มีอยู่จนสามารถเปล่งเสียงออกมาได้แต่เหมือนจะห้ามเค้าไม่ได้ทั้งหมดเพราะมือหนาอีกข้างที่ยังว่างอยู่กำลังเลื่อนเข้ามาในร่างกายของผมภายใต้เสื้อตัวบาง มันรู้สึกแย่มากๆ เพราะผมสั่นไปหมดทั้งตัวแถมตอนนี้ยังถูกจูบอยู่อีกต่างหาก

“กลับบ้านกับพี่นะจา” อาวุธผละริมฝีปากออกไปแต่ก็ไม่มากนัก ผมมองหน้าเค้าหอบหายใจถี่ๆ แต่ไม่ยอมตอบส่วนมือของเค้าก็ยังคงลูบไล้ตามแผงอกของผมอยู่เรื่อยเหมือนกำลังยั่วประสาทเลยทีเดียว

“อาวุธผมไม่ใช่ของเล่นนะ ขอร้องหยุดเถอะ” ผมรู้สึกไม่ดีใจสักเท่าไหร่ในการกระทำของเค้าเพราะมันกำลังกระตุ้นร่างกายของผมอยู่ หัวใจก็เต้นแรงไม่ยอมหยุดสักที

“พี่เคยพูดเหรอว่าจาเป็นของเล่น” เกลียดน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ชะมัด

“อื้อ” ผมรู้สึกทรมานมากๆ จนต้องครางออกมามือหนาที่อยู่ด้านในกำลังทำร้ายร่างกายของผมอยู่ คนเจ้าเล่ห์หื่นแถมโรคจิตอีกต่างหาก “เอามันออกไปนะ”

“ถ้าไม่ยอมกลับบางทีมันอาจจะหยุดไม่ได้” เค้าจ้องหน้าผมนิ่งๆ แถมขู่ออกมาอย่างหน้าตาเฉย
อ๊ากกกกกกกกก!
นั่นมันหัวนมผมไม่ใช่เหรอแล้วทำไมต้องบีบด้วยละ มันรู้สึกแปลกๆ เป็นบ้าเลย

“หยุดนะ! ถ้าไม่หยุดจะร้องอีกรอบแล้วนะ” ผมไม่รู้ว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่แต่คำขอร้องของผมมันชวนให้ขำมากกว่าอีก

“จาพี่ขอโทษ”

“พอแล้วเลิกขอโทษสักที คิดว่าอยากจะได้ยินนักเหรอ? ผมเกลียดคุณที่สุดเลยอาวุธ”

“เกลียดจริงๆ งั้นเหรอ?”

“ใช่! อ๊ะ! อื้อหยุดบีบมันทรมานนะ” เค้าไม่พูดแถมยังบีบหัวผมผมเล่นอยู่อย่างนั้นมันทรมานจริงๆ นะครับ “ยอมแล้ว”

“หืม?” พอผมพูดว่ายอมเค้าถึงกับหยุด ถ้ารู้งี้พูดไปนานแล้วแถมมือหนาที่รั้งข้อมือผมอยู่ก็ยอมปล่อยออกด้วย
ผลัก!
แต่เปล่าหรอกเค้าโดนหลอกเพราะมันทำให้ผมออกแรงผลักเค้าออกไปได้อย่างเต็มกำลังก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นยืนและแน่นอนผมหาเรื่องใส่ตัวจนได้สินะ

“โอ๊ย! เจ็บ” ผมก็ไม่รู้ว่าเด้งออกมาอีท่าไหนแต่ที่แน่ๆ ก้นมันลงไปกองกับพื้นผมแถมขาที่โดนยิงมาก็ไปถูกกับเหลี่ยมโต๊ะข้างริมหน้าต่างอีกต่างหากเจ็บจนจุกไปหมดทั้งตัวเลย

“จา” เสียงของเค้าเรียกชื่อผมอย่างตกใจ

“ฮือๆ มันเจ็บ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเค้าอ้อนวอนมากๆ เพราะตอนนี้รู้สึกเจ็บสุดๆ ถึงแผลมันจะแห้งและเริ่มหายแล้วก็ตามแต่ถ้าเจอแบบนี้ก็เจ็บได้เหมือนกันก็ยังดีที่มันไม่โดนน้องชายผมไม่งั้นจุกกว่านี้

“เฮ้อ! ลุกไหวไหม” ยังมีหน้ามาถามแค่จะนั่งอยู่ยังทรมานเลย

“อยู่ด้วยกันทีไรเจ็บตัวตลอด แล้วแบบนี้ยังมีหน้าจะให้กลับไปด้วยอีกเหรอ? ไม่ไหวหรอกนะถ้ากลับไปแล้วต้องเจอลูกปืนนะ” ผมร้องเถียงเสียงสะอื้นก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกอุ้มขึ้นไปวางลงบนเตียง

“จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยอมให้เมียตัวเองเป็นอันตรายทั้งๆ ที่ปกป้องได้” พูดอะไรทำไมต้องมาพูดตอนนี้ด้วยเพราะมันทำให้ผมเถียงไม่ออก “และอีกอย่างเมื่อกี้จาทำตัวเอง”

“ผมเกลียดพี่ที่สุดเลย” เปล่าหรอกที่เกลียดคือคำพูดซะมากกว่าแต่ที่ต้องพูดไปแบบนี้เพื่อกลบเกลื่อนแล้วมันอะไรทำไมเมื่อกี้ผมต้องเรียกเค้าว่าพี่ด้วยละ
>/////////////////////<
พอเลิกเขิน!

“หายเจ็บยัง” อาวุธจ้องหน้าผมระดับสายตาห่างกันมากเพราะเค้านั่งยองอยู่ตรงหน้าแต่ท่าทางแบบนี้มันพาให้ผมเขินอีกแล้ว

“หายแล้ว ขยับออกไปสิ” ผมว่าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เค้ารู้ว่าตอนนี้ผมโคตรจะเขินพร้อมทั้งเบี่ยงตัวหนี
ผมไม่อยากรู้สึกมีความสุขเลยเมื่อรู้ว่าพ่อกำลังเศร้า! อีกอย่างถ้าเรายังอยู่ด้วยกันมีหวังผมต้องกลับไปกรุงเทพฯ พร้อมเค้าอีกแน่นอน

“พี่เหนื่อยขอพักหน่อยละกัน” ไม่ว่าเปล่าเขารีบลุกขึ้นแล้วอุ้มผมซะตัวลอยก่อนจะวางลงบนเตียงพร้อมทั้งร่างสูงของเค้าที่ล้มตัวลงนอนแล้วกอดผมไว้จนแน่น ขอบอกว่าผมกังวลมากๆ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำผมเกือบแย่
“แค่จะนอนกอด” เค้ากระซิบบอกผมก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้อีก ที่ต้องพูดแบบนี้คงเพราะเมื่อกี้ผมดิ้นละมั้ง

“แล้วทำไมต้องกอดด้วยเล่า” ผมถามน้ำเสียงสั่นเชียวครับแต่เปล่าหรอกที่สั่นเพราะกำลังกังวลหรือไม่ก็เขินแน่นอน

ตึกๆ ตักๆ
เงียบซะ! ได้ยินแต่เสียงหัวใจของผมกับลมหายใจของคนข้างๆ พอลองเอียงคอไปมองก็เห็นว่าหลับไปแล้วเวลาพี่อาวุธหลับเหมือนเด็กเลยท่าทางน่ากลัวๆ ของเค้าหายไปจนหมดไม่มีวี่แววเลยทีเดียวครับ

“เฮ้อ! จะทำยังไงๆ” ผมนอนบ่นกับตัวเองไม่รู้หรอกว่าคนข้างๆ หลับจริงหรือเปล่าแต่ถ้าเค้าได้ยินก็ช่างประไรจะได้รู้ว่าผมหนักใจมากแค่ไหน
“อ๊ะ!” เสียงผมเองแหละเพราะพี่อาวุธกอดผมไว้แน่นกว่าเดิมอีกเหมือนกำลังกลัวว่าผมจะหนี ให้ตายสิคนเจ้าเล่ห์ยังไม่หลับสนิทหรอกเหรอเนี่ย
ชิส์!!!

อาวุธ
หลังจากที่เหมือนจะเคลียร์กับจาเข้าใจแล้วผมก็หลับไปเลยแต่ก่อนหน้านี้ผมเกือบจะทำอะไรแย่ๆ ลงไปแนะครับใช่ว่าผมจะไม่อยากทำแต่ถ้าจายังไม่มั่นใจในตัวผม ผมก็คงทำมากกว่ากอดแล้วก็จูบไม่ได้
ผมไม่อยากเป็นผู้ชายแย่ๆ ในสายตาจาไปมากกว่านี้แล้ว ผมกล้าจะยอมรับเลยก็ว่าได้เพราะจาทำให้ความรู้สึกหลายๆ อย่างของผมเปลี่ยนไป ผมไม่อยากรู้ไปมากกว่านี้แล้วว่าทำไมแต่ถ้าคุณปู่เลือกมันก็คงดีจริงๆ พอได้อยู่ด้วยกันความรู้สึกหลายๆ อย่างก็เริ่มชัดเจนขึ้นแต่มีอย่างหนึ่งที่จามีมากกว่าผม
จาปากแข็งมาก!!! แต่ใจคงไม่แข็งเหมือนปากหรอกนะไม่งั้นผมคงแย่
อื้อ,
เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นมาจากคนตัวเล็กที่ยังนอนหลับอยู่จาขยับตัวหันไปอีกทางจนแขนที่กอดผมอยู่หลุดออก เท่าที่จำได้ตอนแรกผมไม่ใช่เหรอที่นอนกอดแต่ไหงตอนนี้กลายเป็นจาไปได้ละครับนึกแล้วก็ทำให้มีรอยยิ้มตลอดเวลาเลยทีเดียว
จาดื้อมากแถมเอาแต่ใจตัวเองด้วยไม่ต่างไปจากนักรบเลย
อ่อ, ถ้าเราปรับความเข้าใจได้ดีกว่านี้ผมคงต้องบอกจาไปตรงๆ สินะว่าที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกก็เพราะถ้าผมไม่ยอมแต่งงานคุณปู่ท่านจะไม่ยอมให้ผมเจอลูกแถมจะพาลูกไปคืนผู้หญิงคนนั้นอีกถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็แย่สิ
เอาเถอะบางทีการที่เด็กร้ายๆ คนนี้เข้ามาในชีวิตก็ทำให้ผมลืมเรื่องแย่ๆ ไปได้แบบไม่ทันตั้งตัวละมั้ง
ผมค่อยๆ ขยับตัวให้ออกห่างจากจาแล้วเดินลงจากเตียงหายเข้าไปในห้องน้ำ การมาแบบไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยมันแย่จริงๆ สินะครับพอออกมาจากห้องน้ำจาก็ยังไม่ตื่นผมเลยเดินออกไปข้างนอกแทนเจอทุกคนกำลังนั่งหน้าเครียดกันอยู่เลยโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงจอมพลพ่อตาสุดโหดของผม
“เคลียร์กันแล้วเหรอ” น้ำเสียงที่บอกไม่ถูกว่าอยู่ในอารมณ์ไหนเอ่ยถามออกมาก่อนที่จะจ้องมาทางผม

“ครับ, แต่ไม่รู้จะยอมกลับไปด้วยหรือเปล่าว่าแต่ทางนี้เป็นยังไงบ้างครับ” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาที่วางอยู่

“มันนัดคืนนี้พร้อมเงินสดยี่สิบล้านแล้วก็โฉนดที่ดินทั้งหมด”

“หืม, จะยอมงั้นสิครับ” คำถามของผมทำเอาทุกคนต้องหันมามองผมไม่แปลกใจหรอกครับเพราะมันคล้ายกับคำถามของคนที่เห็นแก่ตัว

“รู้ใช่ไหมว่าถามอะไรอยู่” ทุกคนในที่นี้เงียบกันไปหมดก็เหลือแต่ผมกับพ่อเลี้ยงนี่แหละครับที่สนทนากันไปมา

“ถ้าเลือกจะเป็นศัตรูมันก็ต้องเลือกคนที่คิดว่าสำคัญที่สุดไป ในเมื่อเราไม่มีทางเลือกอะไรเลยนอกจากยอมแต่การยอมก็เท่ากับว่าเราต้องเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปเพื่อแลกกับคนสำคัญ หากเราลองเสี่ยงดูสักตั้งก็จะรู้ว่าบางทีเราอาจจะไม่ต้องเสียอะไรไปเลยแถมยังได้กำจัดคนชั่วอีกต่างหาก”
ที่ผมพูดแบบนี้ได้ก็เพราะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว มันไม่เกิดขึ้นกับใครหรอกนอกจากคนในครอบครัวก็แน่ละสิในเมื่อผมเป็นมาเฟียนี่ครับศัตรูก็ต้องมีมากมายอยู่แล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับว่าผมจะเลือกปกป้องพวกเขาด้วยวิธีไหนบ้าง


“และอีกอย่างพ่อเลี้ยงก็เล่นเกมนี้มาก่อนแล้วไม่ใช่เหรอครับ” พอเห็นว่าพ่อเลี้ยงเงียบผมก็ลองตั้งคำถามใหม่ขึ้นมาและแน่นอนรอยยิ้มก็เผยออกมาบนใบหน้าหล่อแสนร้ายกาจของว่าที่พ่อตาผม

“ฉันปิดไม่มิดสินะ”

“ถ้าสีหน้าคุณเหมือนอย่างตอนที่เราพบกันครั้งนั้นผมว่ามิด แต่ตอนนี้คุณดูกังวลน้อยลงงั้นเรามาเริ่มแผนชิงตัวประกันดีกว่าครับ” ผมเปลี่ยนประเด็นก่อนจะหันหน้ามองทุกคนและเหมือนพวกเขาจะเห็นด้วยและรวมตัวกันเข้ามา
ผมเริ่มอธิบายรายละเอียดทั้งหมดพร้อมทั้งวางแผนอย่างดิบดี ขอเถอะครับให้มันได้ผลและเป็นอันตรายต่อทุกคนน้อยที่สุด

“พ่อ!” หลังจากที่คุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวเหลือก็แต่ผมกับพ่อเลี้ยงในห้องนี้เสียงจาก็ร้องเรียกพ่อเลี้ยงขึ้นมาด้วยความตกใจซะงั้น

“เป็นอะไร”

“ก็จา” ไม่พูดครับแต่หันมามองหน้าผมอดขำไม่ได้ท่าทางคงตกใจคิดว่าผมหนีกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วแน่นอน
“เปล่า! แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด แล้ว

“พ่อขอไปเตรียมตัวก่อนนะมีอะไรก็ถามอาวุธเอาละกัน”

“เฮ้ย! พ่อเดี๋ยวสิ” พ่อเลี้ยงเดินหนีจาไปเรียบร้อยแล้วที่นี้ก็เหลือแค่พวกเราสองคนเท่านั้น
จาหันกลับมามองหน้าแล้วเหมือนจะเดินหนีผมก็เลยต้องรีบเข้าไปรั้งตัวเอาไว้ก่อนจะพาเดินกลับไปที่ห้อง

“กลัวพี่หายเหรอ?” พอเข้ามาอยู่ในห้องกันสองคนเรียบร้อยแล้วผมก็เริ่มตั้งคำถามแหย่จาทันทีท่าทางจะเขินถึงได้หันหน้าหนีไม่ยอมสบตาผมแถมยังเดินหนีไปยืนอยู่ห่างๆ อีกต่างหาก

“กลัวทำไมไม่ได้สำคัญอะไรสักหน่อย” จาเบ้ปากใส่ผมแต่ก็ไม่ยอมอยู่ใกล้ๆ นี่ขนาดผมเดินเข้าไปหายังถอยหลังหนี

“คืนนี้พี่จะไปกับพ่อเลี้ยงนะ”

“หืม! ได้ยังไง? นี่แสดงว่าพวกมันโทรมาแล้วสินะ” น้ำเสียงของจาเหมือนจะตกใจก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายขยับเข้ามาหาผมเอง ถ้ารู้แบบนี้ผมบอกไปตั้งนานแล้วครับ

“ใช่! เงินสดยี่สิบล้านพร้อมกับโฉนดที่ดินทั้งหมด”

“หา! แล้วพ่อยอมเลย” จาอุทานอย่างตกใจสีหน้าเป็นกังวลมากๆ นี่ถ้ารู้ว่าพวกเราวางแผนอะไรกันไว้บ้างคงไม่ตกใจเท่านี้หรอกนะ
“อาวุธตอบสิ” พอเห็นว่าผมเงียบจาก็จับแขนข้างหนึ่งของผมเอาไว้พร้อมทั้งเขย่าแรงๆ เพื่อหาคำตอบให้ตัวเอง

“ยอมสิ! เมียทั้งคนนะจา” พอเจอคำตอบนี้ไปเจ้าตัวถึงกับเงียบเลย

“ก็ลืมไป ว่าแต่ไอ้คุณหนูจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย? รู้สึกผิดจังไม่น่าพามันมาตรังแต่แรกเลย” จาปล่อยมือออกจากแขนของผมแล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียงผมก็เลยเดินตามไปนั่งลงข้างๆ
“อาวุธถ้าเดือนสิบสองเป็นอะไรไปเค้าจะทำยังไง” จาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าน้ำเสียงแบบนี้มันน่ารักมากเลยทีเดียว

“เดือนสิบสองจะไม่เป็นอะไร เพราะพ่อเลี้ยงไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกครับ” ผมจับมือเล็กเอาไว้พร้อมทั้งพูดให้กำลังใจ “ว่าแต่จาไม่เป็นห่วงพี่เหรอ?”

“ชิส์! อะไรจะห่วงทำไม ปล่อยมือเค้าเลย” เหมือนฉากซึ้งๆ หายไปในทันทีเมื่อผมตั้งคำถามแบบนี้ออกไป จาคงรู้ตัวเองละมั้งถึงได้ขยับหนี

“ไม่ห่วงจริงๆ เหรอ? แล้วถ้าพี่ตะ

“ไม่รู้ไม่ชี้! แต่อาวุธห้ามเป็นอะไรนะถ้าไม่กลับมาก็จะไม่บอกว่าอยากกลับกรุงเทพฯ ด้วยไหม” นิสัยแบบนี้ของจาถ้าผมขอยืมมาใช้บ้างจะได้ไหม เด็กเอาแต่ใจแถมยังปากแข็งอีกต่างหาก

“แค่บอกว่าเป็นห่วงพี่ก็จบ”

“อะไรใครห่วง” จาเบือนหน้าหนีผมแต่แอบเห็นอยู่หรอกว่าเจ้าตัวยิ้มนะ
จุ๊บ >///////////////< ฉวยโอกาสหอมแก้มซะเลยเพื่อเรียกกำลังใจแต่ก็ไม่ลืมเด้งตัวหนีนะครับเพราะจามือไวมากๆ เลยทีเดียว
“อาวุธเดี๋ยวเถอะ!!!





ครบแล้วววววววววววววววว!!!
หลังจากหายไปนาน เพิ่งปั่นเสร็จมะกี้ อิอิ
น้องจาน่ารักอ๊าาาาาาาา >////////////////////////////<