Bantering, 7
เป็นห่วงเป็นใย
ผมมั่นใจที่สุดเลยว่าตัวเองทำถูกแล้ว
ผมก้าวขาออกมาจากบ้านหลังนั้นทั้งน้ำตา…ผมร้องไห้งั้นเหรอ?
แล้วทำไมผมต้องร้องไห้เพราะผู้ชายใจร้าย โกหกหลอกลวงคนนั้นด้วยละครับ
ผมจะไม่ร้องไห้เพราะเค้าอีกแล้ว!!!
หลังจากที่กลับมาถึงตรัง ผมไม่ได้โทรบอกพ่อด้วยซ้ำแต่จะว่าไปผมมาแบบไม่ได้ตั้งตัว
พอกลับมาถึงบ้านเหมือนอะไรหลายๆ อย่างจะเปลี่ยนไป
พ่อรับคนงานใหม่หรือจะพูดให้ถูกคนดูแลเดือนสิบสองซะมากกว่าเพราะเธอบอกว่าพี่เซย์เป็นคนส่งมา
แต่ที่ทำให้ผมตกใจคงเป็นเรื่องของเดือนสิบสองที่ถูกจับตัวไปละมั้ง
ขนาดผมยังตกใจแล้วพ่อจะไหวเหรอ?
ผมเข้าไปหาท่านในห้องดูก็รู้ว่าพ่อเครียดมากแค่ไหนถ้าเป็นเวลาปกติท่านจะตกใจที่เห็นผมแต่นี่กลับไม่มีอะไรมากไปกว่าสีหน้าเศร้าๆ
พอคุยกันไม่นานพ่อก็ร้องไห้
พ่อเลี้ยงจอมพลมีน้ำตางั้นเหรอ?
ผมแอบอิจฉาเดือนสิบสองแล้วสิครับ ดูก็รู้ว่าพ่อคงรักมากไม่งั้นคงไม่นั่งเครียดแล้วก็ฝืนตัวเองอยู่แบบนี้หรอกครับ…
หนึ่งวันผ่านไปเหมือนหนึ่งเดือนพ่อดูไม่ดีขึ้นเลย
ข้าวเช้าไม่ยอมกินส่วนผมก็ด้วย… กินไม่ลงหรอกเพราะในสมองมันกำลังเครียดอยู่
วันนี้ที่บ้านดูจะวุ่นๆ
เพราะทุกคนต่างก็รอว่าเมื่อไหร่พวกที่จับตัวเดือนสิบสองไปจะติดต่อกลับมาสักที
ผมเองก็รอเหมือนกัน!!! พอพี่เซย์มาผมก็ปล่อยให้พ่อได้คุยแล้วออกมาเดินเล่นแต่ทว่าขาทั้งสองข้างมันกลับไม่มีเรี่ยวแรง
ผมจำได้ว่าเพิ่งมาถึงแถมนอนได้คืนเดียวแต่นี่มันอะไรทำไมเค้าถึงมายืนอยู่ตรงหน้า
“มาทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” มันเป็นคำพูดประโยคแรกที่ผมสามารถเอ่ยออกมาจากปากได้
และแน่นอนว่าผมยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเค้าแม้ว่าหัวใจมันจะเต้นแรงมากแค่ไหนก็ตามแต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้สิครับ
“พี่ขอโทษ”
ผมไม่อยากได้ยินคำนี้ด้วยซ้ำไปเพราะความหมายของมันคล้ายกับคนที่กำลังทำผิดและยอมรับผิดง่ายๆ
อย่างที่เค้ากำลังทำและทำมาตลอด…
ผมเกลียดเค้าใช่ไหม?
คงเพราะเสียงของผมละมั้งทำให้พ่อต้องออกมาดูและเชิญเค้าเข้าไปในบ้านทั้งๆ
ที่ผมไม่อยากเจอ ผมตัดสินใจเดินหนีกลับเข้าห้องทันที
ผมร้องไห้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
ตึกๆ ตักๆ
และนี่ก็ด้วยทั้งๆ ที่ผมกำลังโกรธเค้าอยู่แต่ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงทุกครั้งที่รู้สึกว่าเค้าอยู่ใกล้ๆ
แอด!!!
ผมนั่งอยู่ในห้องได้สักพักเสียงประตูก็ถูกเปิดเข้ามา
ถ้าผมรู้ว่าเค้าจะตามมาผมน่าจะล็อกมันไปตั้งนานแล้วหรือเพราะจริงๆ
ผมกำลังรอเค้ากันแน่… เราสองคนสบตากันก่อนที่ผมจะกลืนก้อนสะอื้นให้หายไปและเปล่งเสียงไล่เค้าทันที
"กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้นะ!"
ผมมั่นใจว่าอยากจะไล่เค้ามากๆ แต่ทุกครั้งที่พูดน้ำตาก็แทบอยากจะไหลออกมาอยู่เรื่อยเลย
"คิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะยอมกลับง่ายๆ
เหรอ? ในเมื่อตั้งใจแล้วว่าจะมาตามกลับ..." เค้าบอกกับผมแววตานิ่งมากก่อนจะปิดประตะล็อกกลอนแล้วเดินเข้ามาหา
ผมมองหน้าเค้าประหม่าไปเลยทีเดียวก่อนจะขยับตัวหนี
"ไม่กลับ!!!"
ตั้งใจมารับงั้นเหรอ?
โกหกทั้งนั้นแหละในเมื่อทุกอย่างที่ทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นแล้วจะมาแคร์ความรู้สึกผมทำไม
"ก็ดี!
งั้นก็ไม่ต้องกลับมันทั้งคู่นี่แหละ"
ผมไม่รู้ว่าเค้าไปเอานิสัยดื้อรั้นแบบเด็กๆ มาจากไหนทั้งๆ
ที่การกระทำแบบนี้เป็นผมมากกว่าที่มักจะแสดงให้เค้าเห็น
"จะบ้าเหรอ? บอกไปแล้วไงว่าจะหย่า" ใจจริงผมอยากหย่างั้นเหรอ?
ผมก็ไม่รู้หรอกครับแต่ที่แน่ๆ
มันรู้สึกจุกไปหมดเลยเหมือนผมคนเดียวซะมากกว่าที่ไม่เคยรับรู้อะไร
…คนโง่ ที่รู้สึกอยากจะโง่ตลอดไป
"ไม่หย่า!!!"
เสียงดังฟังชัดมากก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวขาขึ้นมานั่งบนเตียงเดียวกับผม
ผมไม่อยากเข้าใกล้เค้าเลยจนต้องขยับหนีอยู่เรื่อยๆ จนมันสุดทางตันแล้ว
"อย่ามาดื้อ
แก่แล้วนะ"
ผมว่าเค้าเบือนหน้าหนีผมไม่อยากสบตาเค้าเลยเพราะหัวใจมันยังเต้นแรงไม่หยุด
"ใครดื้อก่อนกันแน่
กับอีแค่เคยมีลูกมาแล้วถึงขั้นจะหย่าเลยเหรอ?" พูดได้ดีนี่กับอีแค่เคยมีลูกมาแล้ว…
ผมก็ได้แต่แสยะยิ้มให้ตัวเองนึกไม่ออกเลยว่าความรู้สึกตอนนี้มันคืออะไรรู้แค่ว่ามันสั่นไปหมดแล้ว
"กะ...ก็ไม่ได้รักกันจะอยู่กันไปทำไม"
ผมไม่อยากพูดจากลับไปด้วยน้ำเสียงแบบนี้หรอกนะแต่เพราะมันห้ามตัวเองไม่ได้
ส่วนเค้าก็เริ่มที่จะขยับเข้ามาหาผมเรื่อยๆ
"แล้วรู้ได้ยังไงว่าไม่รัก
คำพูดนี้ใครกันแน่ที่ต้องถาม" คำพูดของเค้าทำเอาผมต้องหันไปมองและสบตากันจนได้สินะแถมมันยังเป็นน้ำเสียงที่ดุดันมากๆ
จนผมไม่พอใจเลยทีเดียว
"อย่ามาขึ้นเสียงนะอาวุธ"
เค้าขึ้นเสียงมาผมก็ขึ้นเสียงกลับ
"ทำไม!"
ถามมาได้ว่าทำไมก็มันรู้สึกแย่นะสิ…ยิ่งเห็นหน้ายิ่งอยากจะร้องไห้
ยิ่งอยู่ใกล้หัวใจมันก็ยิ่งเต้นแรงไปทุกที
"ออกไป! แล้วไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกนะ"
ผมคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าไล่เค้ากลับหรอกครับ
"ก็เป็นอยู่แบบนี้แหละแล้วเมื่อไหร่จะโตสักที
มีอะไรก็เอาแต่ใช้อารมณ์ไม่ได้ดั่งใจก็คิดจะหย่าแล้วหนีกลับบ้าน..." คำพูดของเค้าเหมือนกำลังตัดพ้อผมอยู่และแน่นอนมันทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของผมรู้สึกร้อนไปหมดจนสุดท้ายน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้
ใครเค้าอยากจะร้องไห้กัน
แบบนี้มันแย่สุดๆ ไปเลย T-T
"อะ...อึก
อย่ามาว่าเค้านะ"
"หรือไม่จริงละจา
พี่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ! งานก็ต้องทำเมียก็ต้องง้อ" ก็แค่เมียในกระดาษแผ่นเดียวทำไมต้องยึดติดด้วย
หย่ากันไปก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือไงกัน
"ก็ไม่ต้องง้อสิ ฮือๆ"
"พี่ไม่อยากทำให้ร้องไห้หรอกนะ
แต่จาเองไม่ใช่เหรอที่ดื้อจนทำตัวรั้นแบบนี้" น้ำเสียงของเค้าเริ่มอ่อนลงแต่แน่นอนคำพูดที่ออกมาเหมือนกำลังสอนและพยายามอ้อนวอน
"ฮือๆ"
"กลับบ้านเถอะนะ
พี่ขอร้อง" เกลียดสรรพนามที่เค้าเรียกแทนตัวเองว่าพี่ที่สุดเลย
เพราะยิ่งฟังมันยิ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนมากๆ เลยด้วย
"อะ อึก มะ ไม่กลับ" ดื้อได้ก็ดื้อไปจาวาซะอย่างใครจะทำไม
แถมตอนนี้ร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก
ผมเห็นสีหน้าของอาวุธเริ่มเปลี่ยนไปเค้าเองก็คงแย่ไม่ต่างไปจากผมหรอกครับ
มันไม่เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกันแต่เหมือนเค้ากำลังอ่อนข้อให้กับผม
ไม่งั้นคงไม่พูดจาดีๆ แบบนี้หรอกทั้งๆ ที่ผมเอาแต่ดื้อใส่ตลอด
"จาวา!"
"จะไม่กลับ
ไม่กลับไปอีกแล้ว..." ผมเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง
ส่วนคนตรงหน้าก็ขยับเข้ามาหาผมจนตอนนี้เราอยู่ใกล้กันนิดเดียวมือหนายื่นมาตรงหน้าเพื่อที่จะเกลี่ยน้ำตาให้แต่ผมกลับเบือนหน้าหนี
"ในเมื่อพูดจาดีๆ
ก็ไม่ยอมงั้นคงต้องผูกมัดให้ครบสูตร" น้ำเสียงของเค้าเริ่มเปลี่ยนไปจนผมชักกลัว
หมับ!
และแน่นอนว่าท่าทางก็ด้วยเพราะตอนนี้มือหนาทั้งสองข้างรั้งแขนของผมเอาไว้จนแน่นและบังคับให้ผมหันหน้ากลับมามองเค้า
"ผูกมันอะไร อ๊ะ! ออกไปไกลๆ
เลยนะ" ผมออกปากไล่เมื่อเค้าขยับหน้าเข้ามาใกล้จนตอนนี้มันจะชิดกันอยู่แล้ว
แต่ไม่ได้ผลแฮะ
"นิตินัยก็สมบรูณ์แล้ว
ก็เหลือแต่พฤตินัยนี่แหละ"
ตุบ!
เจ็บนิดๆ
เพราะเค้าบังคับให้ผมนอนราบลงไปกับเตียงก่อนที่จะใช้ขาข้างหนึ่งเพราะยันร่างของผมเอาไว้ส่วนมือของเค้าก็รวบข้อมือผมไว้เหนือหัว
เค้าทำทุกอย่างได้ง่ายดายมากจนผมไม่มีแรงจะสู้เลยทีเดียว
"อาวุธ!"
"หึ, พูดดีๆ
ไม่ฟังงั้นก็เป็นเมียมันอย่างสมบรูณ์ไปเลยละกัน" ผมเกลียดน้ำเสียงและคำพูดประโยคนี้ของเค้าจังเลยครับ
มันดูน่ากลัวเป็นบ้า
หืม?
แล้วนี่มันอะไรกันทำไมเค้าต้องเลื่อนหน้าเข้ามาหาผมเรื่อยๆ ด้วย ไม่นะผม…
อื้อ! ขัดไม่ได้ดิ้นก็ลำบากจนสุดท้ายถูกจูบจนได้สินะ
ใครกันที่เป็นคนบอกว่าจะไม่แตะต้องผมอีกแล้วนี่มันอะไร
“ยะ…หยุด”
ผมดิ้นสุดกำลังที่มีอยู่จนสามารถเปล่งเสียงออกมาได้แต่เหมือนจะห้ามเค้าไม่ได้ทั้งหมดเพราะมือหนาอีกข้างที่ยังว่างอยู่กำลังเลื่อนเข้ามาในร่างกายของผมภายใต้เสื้อตัวบาง
มันรู้สึกแย่มากๆ เพราะผมสั่นไปหมดทั้งตัวแถมตอนนี้ยังถูกจูบอยู่อีกต่างหาก
“กลับบ้านกับพี่นะจา”
อาวุธผละริมฝีปากออกไปแต่ก็ไม่มากนัก ผมมองหน้าเค้าหอบหายใจถี่ๆ
แต่ไม่ยอมตอบส่วนมือของเค้าก็ยังคงลูบไล้ตามแผงอกของผมอยู่เรื่อยเหมือนกำลังยั่วประสาทเลยทีเดียว
“อาวุธผมไม่ใช่ของเล่นนะ
ขอร้องหยุดเถอะ…”
ผมรู้สึกไม่ดีใจสักเท่าไหร่ในการกระทำของเค้าเพราะมันกำลังกระตุ้นร่างกายของผมอยู่
หัวใจก็เต้นแรงไม่ยอมหยุดสักที
“พี่เคยพูดเหรอว่าจาเป็นของเล่น”
เกลียดน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ชะมัด
“อื้อ…” ผมรู้สึกทรมานมากๆ จนต้องครางออกมามือหนาที่อยู่ด้านในกำลังทำร้ายร่างกายของผมอยู่
คนเจ้าเล่ห์หื่นแถมโรคจิตอีกต่างหาก “เอามันออกไปนะ”
“ถ้าไม่ยอมกลับบางทีมันอาจจะหยุดไม่ได้”
เค้าจ้องหน้าผมนิ่งๆ แถมขู่ออกมาอย่างหน้าตาเฉย
อ๊ากกกกกกกกก!
นั่นมันหัวนมผมไม่ใช่เหรอแล้วทำไมต้องบีบด้วยละ
มันรู้สึกแปลกๆ เป็นบ้าเลย
“หยุดนะ! ถ้าไม่หยุดจะร้องอีกรอบแล้วนะ”
ผมไม่รู้ว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่แต่คำขอร้องของผมมันชวนให้ขำมากกว่าอีก
“จา…พี่ขอโทษ”
“พอแล้วเลิกขอโทษสักที
คิดว่าอยากจะได้ยินนักเหรอ? ผมเกลียดคุณที่สุดเลยอาวุธ”
“เกลียดจริงๆ
งั้นเหรอ?”
“ใช่!
อ๊ะ! อื้อ… หยุดบีบมันทรมานนะ”
เค้าไม่พูดแถมยังบีบหัวผมผมเล่นอยู่อย่างนั้นมันทรมานจริงๆ นะครับ “ยอมแล้ว”
“หืม?”
พอผมพูดว่ายอมเค้าถึงกับหยุด ถ้ารู้งี้พูดไปนานแล้ว…แถมมือหนาที่รั้งข้อมือผมอยู่ก็ยอมปล่อยออกด้วย
ผลัก!
แต่เปล่าหรอกเค้าโดนหลอกเพราะมันทำให้ผมออกแรงผลักเค้าออกไปได้อย่างเต็มกำลังก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นยืนและแน่นอนผมหาเรื่องใส่ตัวจนได้สินะ
“โอ๊ย!
เจ็บ” ผมก็ไม่รู้ว่าเด้งออกมาอีท่าไหนแต่ที่แน่ๆ
ก้นมันลงไปกองกับพื้นผมแถมขาที่โดนยิงมาก็ไปถูกกับเหลี่ยมโต๊ะข้างริมหน้าต่างอีกต่างหาก…เจ็บจนจุกไปหมดทั้งตัวเลย
“จา”
เสียงของเค้าเรียกชื่อผมอย่างตกใจ
“ฮือๆ มันเจ็บ”
ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเค้าอ้อนวอนมากๆ เพราะตอนนี้รู้สึกเจ็บสุดๆ
ถึงแผลมันจะแห้งและเริ่มหายแล้วก็ตามแต่ถ้าเจอแบบนี้ก็เจ็บได้เหมือนกันก็ยังดีที่มันไม่โดนน้องชายผมไม่งั้นจุกกว่านี้
“เฮ้อ!
ลุกไหวไหม” ยังมีหน้ามาถามแค่จะนั่งอยู่ยังทรมานเลย
“อยู่ด้วยกันทีไรเจ็บตัวตลอด
แล้วแบบนี้ยังมีหน้าจะให้กลับไปด้วยอีกเหรอ?
ไม่ไหวหรอกนะถ้ากลับไปแล้วต้องเจอลูกปืนนะ”
ผมร้องเถียงเสียงสะอื้นก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกอุ้มขึ้นไปวางลงบนเตียง
“จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยอมให้เมียตัวเองเป็นอันตรายทั้งๆ
ที่ปกป้องได้” พูดอะไรทำไมต้องมาพูดตอนนี้ด้วยเพราะมันทำให้ผมเถียงไม่ออก “และอีกอย่างเมื่อกี้จาทำตัวเอง”
“ผมเกลียดพี่ที่สุดเลย”
เปล่าหรอกที่เกลียดคือคำพูดซะมากกว่าแต่ที่ต้องพูดไปแบบนี้เพื่อกลบเกลื่อนแล้วมันอะไรทำไมเมื่อกี้ผมต้องเรียกเค้าว่าพี่ด้วยละ
>/////////////////////<
พอเลิกเขิน!
“หายเจ็บยัง”
อาวุธจ้องหน้าผมระดับสายตาห่างกันมากเพราะเค้านั่งยองอยู่ตรงหน้าแต่ท่าทางแบบนี้มันพาให้ผมเขินอีกแล้ว
“หายแล้ว
ขยับออกไปสิ”
ผมว่าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เค้ารู้ว่าตอนนี้ผมโคตรจะเขินพร้อมทั้งเบี่ยงตัวหนี…
ผมไม่อยากรู้สึกมีความสุขเลยเมื่อรู้ว่าพ่อกำลังเศร้า!
อีกอย่างถ้าเรายังอยู่ด้วยกันมีหวังผมต้องกลับไปกรุงเทพฯ
พร้อมเค้าอีกแน่นอน
“พี่เหนื่อย…ขอพักหน่อยละกัน”
ไม่ว่าเปล่าเขารีบลุกขึ้นแล้วอุ้มผมซะตัวลอยก่อนจะวางลงบนเตียงพร้อมทั้งร่างสูงของเค้าที่ล้มตัวลงนอนแล้วกอดผมไว้จนแน่น
ขอบอกว่าผมกังวลมากๆ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำผมเกือบแย่
“แค่จะนอนกอด”
เค้ากระซิบบอกผมก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้อีก
ที่ต้องพูดแบบนี้คงเพราะเมื่อกี้ผมดิ้นละมั้ง
“แล้วทำไมต้องกอดด้วยเล่า”
ผมถามน้ำเสียงสั่นเชียวครับแต่เปล่าหรอกที่สั่นเพราะกำลังกังวลหรือไม่ก็เขินแน่นอน
“…”
ตึกๆ
ตักๆ
เงียบซะ!
ได้ยินแต่เสียงหัวใจของผมกับลมหายใจของคนข้างๆ
พอลองเอียงคอไปมองก็เห็นว่าหลับไปแล้ว…เวลาพี่อาวุธหลับเหมือนเด็กเลยท่าทางน่ากลัวๆ
ของเค้าหายไปจนหมดไม่มีวี่แววเลยทีเดียวครับ
“เฮ้อ!
จะทำยังไงๆ” ผมนอนบ่นกับตัวเองไม่รู้หรอกว่าคนข้างๆ
หลับจริงหรือเปล่าแต่ถ้าเค้าได้ยินก็ช่างประไรจะได้รู้ว่าผมหนักใจมากแค่ไหน
“อ๊ะ!”
เสียงผมเองแหละเพราะพี่อาวุธกอดผมไว้แน่นกว่าเดิมอีกเหมือนกำลังกลัวว่าผมจะหนี
ให้ตายสิคนเจ้าเล่ห์ยังไม่หลับสนิทหรอกเหรอเนี่ย
ชิส์!!!
อาวุธ
หลังจากที่เหมือนจะเคลียร์กับจาเข้าใจแล้วผมก็หลับไปเลยแต่ก่อนหน้านี้ผมเกือบจะทำอะไรแย่ๆ
ลงไปแนะครับ…ใช่ว่าผมจะไม่อยากทำแต่ถ้าจายังไม่มั่นใจในตัวผม
ผมก็คงทำมากกว่ากอดแล้วก็จูบไม่ได้
ผมไม่อยากเป็นผู้ชายแย่ๆ
ในสายตาจาไปมากกว่านี้แล้ว ผมกล้าจะยอมรับเลยก็ว่าได้เพราะจาทำให้ความรู้สึกหลายๆ
อย่างของผมเปลี่ยนไป
ผมไม่อยากรู้ไปมากกว่านี้แล้วว่าทำไมแต่ถ้าคุณปู่เลือกมันก็คงดีจริงๆ
พอได้อยู่ด้วยกันความรู้สึกหลายๆ
อย่างก็เริ่มชัดเจนขึ้นแต่มีอย่างหนึ่งที่จามีมากกว่าผม
…จาปากแข็งมาก!!! แต่ใจคงไม่แข็งเหมือนปากหรอกนะไม่งั้นผมคงแย่
อื้อ,
เสียงครางเล็กๆ
ดังขึ้นมาจากคนตัวเล็กที่ยังนอนหลับอยู่จาขยับตัวหันไปอีกทางจนแขนที่กอดผมอยู่หลุดออก
เท่าที่จำได้ตอนแรกผมไม่ใช่เหรอที่นอนกอดแต่ไหงตอนนี้กลายเป็นจาไปได้ละครับนึกแล้วก็ทำให้มีรอยยิ้มตลอดเวลาเลยทีเดียว
จาดื้อมากแถมเอาแต่ใจตัวเองด้วยไม่ต่างไปจากนักรบเลย…
อ่อ,
ถ้าเราปรับความเข้าใจได้ดีกว่านี้ผมคงต้องบอกจาไปตรงๆ
สินะว่าที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกก็เพราะถ้าผมไม่ยอมแต่งงานคุณปู่ท่านจะไม่ยอมให้ผมเจอลูกแถมจะพาลูกไปคืนผู้หญิงคนนั้นอีกถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผมก็แย่สิ…
เอาเถอะบางทีการที่เด็กร้ายๆ
คนนี้เข้ามาในชีวิตก็ทำให้ผมลืมเรื่องแย่ๆ ไปได้แบบไม่ทันตั้งตัวละมั้ง
ผมค่อยๆ
ขยับตัวให้ออกห่างจากจาแล้วเดินลงจากเตียงหายเข้าไปในห้องน้ำ
การมาแบบไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยมันแย่จริงๆ สินะครับ…พอออกมาจากห้องน้ำจาก็ยังไม่ตื่นผมเลยเดินออกไปข้างนอกแทนเจอทุกคนกำลังนั่งหน้าเครียดกันอยู่เลยโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงจอมพลพ่อตาสุดโหดของผม
“เคลียร์กันแล้วเหรอ”
น้ำเสียงที่บอกไม่ถูกว่าอยู่ในอารมณ์ไหนเอ่ยถามออกมาก่อนที่จะจ้องมาทางผม
“ครับ,
แต่ไม่รู้จะยอมกลับไปด้วยหรือเปล่า…ว่าแต่ทางนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาที่วางอยู่
“มันนัดคืนนี้พร้อมเงินสดยี่สิบล้านแล้วก็โฉนดที่ดินทั้งหมด”
“หืม,
จะยอมงั้นสิครับ”
คำถามของผมทำเอาทุกคนต้องหันมามองผมไม่แปลกใจหรอกครับเพราะมันคล้ายกับคำถามของคนที่เห็นแก่ตัว
“รู้ใช่ไหมว่าถามอะไรอยู่”
ทุกคนในที่นี้เงียบกันไปหมดก็เหลือแต่ผมกับพ่อเลี้ยงนี่แหละครับที่สนทนากันไปมา
“ถ้าเลือกจะเป็นศัตรูมันก็ต้องเลือกคนที่คิดว่าสำคัญที่สุดไป
ในเมื่อเราไม่มีทางเลือกอะไรเลยนอกจากยอม…แต่การยอมก็เท่ากับว่าเราต้องเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปเพื่อแลกกับคนสำคัญ
หากเราลองเสี่ยงดูสักตั้งก็จะรู้ว่าบางทีเราอาจจะไม่ต้องเสียอะไรไปเลยแถมยังได้กำจัดคนชั่วอีกต่างหาก”
ที่ผมพูดแบบนี้ได้ก็เพราะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
มันไม่เกิดขึ้นกับใครหรอกนอกจากคนในครอบครัวก็แน่ละสิในเมื่อผมเป็นมาเฟียนี่ครับศัตรูก็ต้องมีมากมายอยู่แล้ว
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าผมจะเลือกปกป้องพวกเขาด้วยวิธีไหนบ้าง
“…”
“และอีกอย่างพ่อเลี้ยงก็เล่นเกมนี้มาก่อนแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
พอเห็นว่าพ่อเลี้ยงเงียบผมก็ลองตั้งคำถามใหม่ขึ้นมาและแน่นอนรอยยิ้มก็เผยออกมาบนใบหน้าหล่อแสนร้ายกาจของว่าที่พ่อตาผม
“ฉันปิดไม่มิดสินะ”
“ถ้าสีหน้าคุณเหมือนอย่างตอนที่เราพบกันครั้งนั้นผมว่ามิด
แต่ตอนนี้คุณดูกังวลน้อยลง…งั้นเรามาเริ่มแผนชิงตัวประกันดีกว่าครับ”
ผมเปลี่ยนประเด็นก่อนจะหันหน้ามองทุกคนและเหมือนพวกเขาจะเห็นด้วยและรวมตัวกันเข้ามา
ผมเริ่มอธิบายรายละเอียดทั้งหมดพร้อมทั้งวางแผนอย่างดิบดี
ขอเถอะครับให้มันได้ผลและเป็นอันตรายต่อทุกคนน้อยที่สุด
“พ่อ!”
หลังจากที่คุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวเหลือก็แต่ผมกับพ่อเลี้ยงในห้องนี้เสียงจาก็ร้องเรียกพ่อเลี้ยงขึ้นมาด้วยความตกใจซะงั้น
“เป็นอะไร”
“ก็จา…” ไม่พูดครับแต่หันมามองหน้าผมอดขำไม่ได้ท่าทางคงตกใจคิดว่าผมหนีกลับกรุงเทพฯ
ไปแล้วแน่นอน
“เปล่า!
แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด แล้ว…”
“พ่อขอไปเตรียมตัวก่อนนะมีอะไรก็ถามอาวุธเอาละกัน”
“เฮ้ย!
พ่อเดี๋ยวสิ”
พ่อเลี้ยงเดินหนีจาไปเรียบร้อยแล้วที่นี้ก็เหลือแค่พวกเราสองคนเท่านั้น
จาหันกลับมามองหน้าแล้วเหมือนจะเดินหนีผมก็เลยต้องรีบเข้าไปรั้งตัวเอาไว้ก่อนจะพาเดินกลับไปที่ห้อง
“กลัวพี่หายเหรอ?”
พอเข้ามาอยู่ในห้องกันสองคนเรียบร้อยแล้วผมก็เริ่มตั้งคำถามแหย่จาทันทีท่าทางจะเขินถึงได้หันหน้าหนีไม่ยอมสบตาผมแถมยังเดินหนีไปยืนอยู่ห่างๆ
อีกต่างหาก
“กลัวทำไมไม่ได้สำคัญอะไรสักหน่อย”
จาเบ้ปากใส่ผมแต่ก็ไม่ยอมอยู่ใกล้ๆ นี่ขนาดผมเดินเข้าไปหายังถอยหลังหนี
“คืนนี้พี่จะไปกับพ่อเลี้ยงนะ”
“หืม!
ได้ยังไง? นี่แสดงว่าพวกมันโทรมาแล้วสินะ”
น้ำเสียงของจาเหมือนจะตกใจก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายขยับเข้ามาหาผมเอง
ถ้ารู้แบบนี้ผมบอกไปตั้งนานแล้วครับ
“ใช่!
เงินสดยี่สิบล้านพร้อมกับโฉนดที่ดินทั้งหมด”
“หา!
แล้วพ่อยอมเลย” จาอุทานอย่างตกใจสีหน้าเป็นกังวลมากๆ
นี่ถ้ารู้ว่าพวกเราวางแผนอะไรกันไว้บ้างคงไม่ตกใจเท่านี้หรอกนะ
“อาวุธตอบสิ”
พอเห็นว่าผมเงียบจาก็จับแขนข้างหนึ่งของผมเอาไว้พร้อมทั้งเขย่าแรงๆ
เพื่อหาคำตอบให้ตัวเอง
“ยอมสิ!
เมียทั้งคนนะจา…” พอเจอคำตอบนี้ไปเจ้าตัวถึงกับเงียบเลย
“ก็ลืมไป
ว่าแต่ไอ้คุณหนูจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย? รู้สึกผิดจังไม่น่าพามันมาตรังแต่แรกเลย”
จาปล่อยมือออกจากแขนของผมแล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียงผมก็เลยเดินตามไปนั่งลงข้างๆ
“อาวุธถ้าเดือนสิบสองเป็นอะไรไปเค้าจะทำยังไง”
จาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าน้ำเสียงแบบนี้มันน่ารักมากเลยทีเดียว
“เดือนสิบสองจะไม่เป็นอะไร
เพราะพ่อเลี้ยงไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกครับ”
ผมจับมือเล็กเอาไว้พร้อมทั้งพูดให้กำลังใจ “ว่าแต่จาไม่เป็นห่วงพี่เหรอ?”
“ชิส์!
อะไรจะห่วงทำไม ปล่อยมือเค้าเลย” เหมือนฉากซึ้งๆ
หายไปในทันทีเมื่อผมตั้งคำถามแบบนี้ออกไป จาคงรู้ตัวเองละมั้งถึงได้ขยับหนี
“ไม่ห่วงจริงๆ
เหรอ? แล้วถ้าพี่ตะ…”
“ไม่รู้ไม่ชี้!
แต่อาวุธห้ามเป็นอะไรนะ…ถ้าไม่กลับมาก็จะไม่บอกว่าอยากกลับกรุงเทพฯ
ด้วยไหม” นิสัยแบบนี้ของจาถ้าผมขอยืมมาใช้บ้างจะได้ไหม
เด็กเอาแต่ใจแถมยังปากแข็งอีกต่างหาก
“แค่บอกว่าเป็นห่วงพี่ก็จบ”
“อะไรใครห่วง”
จาเบือนหน้าหนีผมแต่แอบเห็นอยู่หรอกว่าเจ้าตัวยิ้มนะ
จุ๊บ
>///////////////< ฉวยโอกาสหอมแก้มซะเลยเพื่อเรียกกำลังใจแต่ก็ไม่ลืมเด้งตัวหนีนะครับเพราะจามือไวมากๆ
เลยทีเดียว
“อาวุธเดี๋ยวเถอะ!!!”
ครบแล้วววววววววววววววว!!!
หลังจากหายไปนาน เพิ่งปั่นเสร็จมะกี้ อิอิ
น้องจาน่ารักอ๊าาาาาาาา >////////////////////////////<
หลังจากหายไปนาน เพิ่งปั่นเสร็จมะกี้ อิอิ
น้องจาน่ารักอ๊าาาาาาาา >////////////////////////////<
กริ๊ดดดดดด ค้างจริงจัง 555555
ตอบลบต่อออออออ
ตอบลบมาต่อเถอะค่ะ ค้างมาก (ก ล้านตัว) พลีสสสส
ตอบลบอ๊ายยยยยยยยเอามาล่อแล้วจากไป อยากอ่านๆๆๆๆๆ
ตอบลบอ๋อย อยากอ่านแบบเต็มๆ
ตอบลบคงฟินน่าดูอิอิ
( ˘ ³˘)♥(๑´`๑)♡(๑♡∀♡๑)(。•ﻌ•。)
ต่อนะคะ
ตอบลบสนุกมากๆ
กรี๊ดดดดด แบบว่าค้าง-0-
ตอบลบมามะ มาต่อ เร็วๆ บ่องตง รัก จุงเบย
ตอบลบต่อเถอะคะ ขอร้องงงงงงงง แง่งงงงงงงงงงงง
ตอบลบกร๊ากกก จบปึ้งง ทำค้าง
ตอบลบค้างค่ะมาต่อไวๆนะค่ะ
ตอบลบต่อนะรออ่านอยู่
ตอบลบอร๊ายยยยยยย>< จาวาน่าร๊ากกกกกกกก
ตอบลบจาวานิสัยเหมือนเดือนสิบสองเลยอ่ะ 5555
ตอบลบมาต่อเร็วๆนะ ^^
น่ารักอ่ะ
ตอบลบเขินนะอิอิ
จาแอบดื้อเบาๆนะอิอิ
น้องจาปากแข็ง อิอิ
ตอบลบอาวุธง้อเยอะๆ เด่วจาก้ออ่อน ^^
ตอบลบคิดถึงน้องจาและลุงอาวุธคึคึคึ
ตอบลบ