วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

Bantering, 6



Bantering, 6
 อย่าทำให้รู้สึก




อาวุธ
อย่าถามเหตุผลว่ามันเพราะอะไร?
แต่เพราะผมทำให้จาวาเดือดร้อน แม้จะพยายามมากแค่ไหนก็ตามแต่อย่างน้อยผมก็ไม่อยากให้จาวาต้องตกอยู่ในอันตรายในเมื่อตอนนี้เราสองคนก็เหมือนครอบครัวเดียวกันไปแล้ว
ผมอยากทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเด็กคนนี้ให้ดีที่สุดผมไม่รู้หรอกว่าจุดจบของการมีชีวิตอยู่มันคืออะไร? เท่าที่ผมรู้ในตอนนี้ก็คือแม้แต่หัวใจผมยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ที่ใคร!!!
“น้องละ?” เสียงของคุณปู่ดังขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าท่านหลังจากที่ปิดประตูห้องของจาวาเสร็จ

“หลับไปแล้วครับ”

“ไปคุยกับปู่ที่ห้องหน่อย” ผมขานรับก่อนจะเดินตามท่านไป คุณปู่เดินนำไปโดยมีซินช่วยพยุง
ประตูห้องของท่านถูกเปิดออกและปิดลง ผมเดินไปนั่งที่โซฟาด้านในของห้องส่วนคุณปู่กับซินก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม

“บอกมาสิว่าจะทำยังไงต่อ ถ้าครั้งหน้าพ่อเค้ามาพาลูกกลับไปอีกจะทำยังไง?” คุณปู่กำลังโกรธและผมรู้ดีกว่าอารมณ์ของท่านในตอนนี้ต้องการคำตอบที่แน่นอนและมีเหตุผลที่สุดและถ้าไม่มั่นใจก็อย่าตอบ
“ที่ฉันสั่งให้แก่แต่งงานกับหนูจาเพราะ

“ผมไม่ได้อยากรู้เหตุผลหรอกนะครับปู่ แต่ปู่ก็น่าจะรู้ว่าจาวาอาจไม่ปลอดภัยถ้าอยู่กับผม” คุณปู่จ้องหน้าผมทันทีเมื่อถูกพูดขัดขึ้นมาอย่างไร้มารยาท

“อาวุธ!” ซินขึ้นเสียงปรามผมเพราะเธอกำลังรับรู้ได้ว่าผมกำลังเสียมารยาทกับคุณปู่
ก่อนหน้านี้ที่จาวาจะฟื้นผมก็เคยคุยกับคุณปู่ไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ท่านกลับพยายามจะไม่ฟังเหตุผลของผมจนในที่สุดผมต้องยอม จนวันนี้ผมได้เจอพ่อเลี้ยงจอมพลอีกครั้งแต่การเจอกันกลับทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เมื่อรู้ว่าความวุ่นวายของบ้านจะหายไป

“ขอโทษครับ”

“ฉันรู้ว่าแกพยายามที่จะไม่ฟัง งั้นฉันขอถามในฐานะที่เกิดเป็นลูกผู้ชาย เป็นหลานของฉันและเป็นลูกของมาเฟีย แกคิดว่าตัวเองสามารถปกป้องจาวาได้ไหม?” ผมนั่งเงียบมองหน้าคุณปู่และรอฟังคำพูดของท่าน
“พ่อแกพยายามขัดคำสั่งของฉันมาคนหนึ่งแล้ว ยอมแม้กระทั่งจะตัดขาดกับฉันเพราะแม่ของแกแล้วแกละยอมทิ้งลูกของตัวเองได้ไหม?”

“ปู่อย่าเอานักรบมาต่อรองกับผมสิครับ ผมไม่เหมือนพ่อ!

“หึ! ฉันเลี้ยงมาเองกับมือทำไมจะไม่รู้ว่าเหมือนหรือไม่?” คุณปู่แสยะยิ้มจ้องหน้าผม

“คุณปู่!

“ปู่ อาวุธซินว่าเลิกเถียงกันได้แล้วค่ะ เพราะทั้งปู่และอาวุธก็นิสัยเหมือนกันทั้งคู่ ต่อให้คุยกันทั้งคืนก็ไม่มีทางจบ” หลังจากที่ผมกับปู่เปิดประเด็นกันมาสักระยะซินคงจะทนฟังพวกเราทะเลาะกันไม่ไหวมั้งครับถึงได้ขัดขึ้นมาแบบนี้
“ปู่ก็แค่บอกไปตามตรงว่าต้องการให้อาวุธได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้างแค่นี้ก็จบทำไมทั้งสองคนต้องรักษาฟอร์มกันอยู่เรื่อยเลยค่ะ”

“ฉันเป็นปู่แกนะซิน”

“ซินรู้ยังไงละค่ะว่าปู่ ถึงได้รู้ว่าปู่กับอาวุธและพ่อนิสัยเหมือนกันนั่นก็คือปากไม่ตรงกับใจ”

“ออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน” ปู่ออกปากไล่ผมกับซินเลยต้องเดินออกมาจากห้องของท่านทันที ผมไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าถอนหายออกมาเหนื่อยกับนิสัยของท่านมากๆ อยากเอาชนะทุกคนไปซะหมด

“ทำตามคุณปู่เถอะ” ซินตบบ่าผมเพื่อให้กำลังใจเพราะถึงยังไงเธอก็รู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง รู้พอๆ กับที่คุณปู่รู้

“ขัดได้เหรอ เล่นเอาลูกมาขู่ซะขนาดนี้”

“ขัดได้หรือไม่อย่าไปสนใจ แต่ควรจะหาคำพูดมาอธิบายซะมากกว่าเมื่อคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยดันรู้ความจริงขึ้นมา” ซินยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องหน้าผม
“หวังว่าจะรับมือได้นะ”

“ถ้าบอกว่าไม่ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้วสินะ แย่ชะมัดทำไมต้องเป็นเด็กคนนี้” ผมถอนหายใจก่อนจะเบือนหน้าไปทางประตูห้องของตัวเองที่มีใครอีกคนนอนหลับอยู่ด้านใน

“เปลี่ยนตัวเองได้แล้วอาวุธ”

“จะพยายามปรับก็แล้วกัน” ซินเดินจากไปแล้วส่วนผมก็ยืนเงียบๆ อยู่คนเดียวก่อนจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ผมก็แค่คิดว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ผมโกหกใครไม่เป็นด้วยสิครับ ถ้าสักวันความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นผมกลัวว่าอะไรๆ แย่ไปกว่านี้นะสิครับ
เตรียมรับมือไปแล้วใช่ไหม? ถึงกล้าเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงแบบนี้!!!

เด็กโง่



จาวา
วันเวลาผ่านไปผมกับคุณอาวุธเริ่มพูดจาดีๆ ใส่กันบ้างแต่ก็น้อยมากเพราะผมมักจะรั้นใส่เค้าตลอดเวลาที่เถียงอะไรไม่ได้ แถมแผลของผมยังเป็นปัญหาอีกด้วยเมื่อมันจะหายผมกลับอาบน้ำจนแผลแดงขึ้นมาอีกตามเคย อาทิเช่นตอนนี้ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
และแน่นอนคนเจ้าปัญหากำลังนั่งมองผมอยู่
“มองอะไร? ไม่เคยเห็นคนแก้ผ้าเหรอ (-_-‘)” ผมร้องถามก่อนจะจ้องหน้าของคนที่นั่งมองอยู่ปลายเตียง หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็พันผ้าขนหนูไว้รอบเอวก่อนจะเดินออกมาทั้งสภาพที่ยังเปียกโชกด้วยหยดน้ำสังเกตอีกทีก็เห็นว่าเจ้าของห้องตัวจริงนั่งอยู่แล้ว
ตามจริงไม่ได้แก้ผ้าหรอกมีผ้าขนหนูอยู่ผืนนึงแนะ!!! พูดจากวนประสาทเค้าไปงั้นเหรอ

“เคยเห็นจนเบื่อแล้ว” แต่คนตอบคำถามนี่สิน่าหมั่นไส้มากๆ

“ชิส์!” ผมจิ๊ปากใส่เค้าก่อนจะหันกลับมามองหน้าตัวเองหน้ากระจก รู้สึกเจ็บแผลที่ขาอยู่เลย มันยังไม่หายดีแต่ผมดันไปอาบน้ำแถมยังสระผมมาด้วยเพราะรู้สึกคันหัวมากๆ

“ถ้าไม่รีบแต่งตัวก็เดินมานี่” เสียงสูงดังขึ้นมาผมมองหน้าเค้าผ่านทางกระจกก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ แต่พอเสมองไปเรื่อยๆ เจอสายตานิ่งๆ ก็ต้องยอมลุกขึ้นและเดินเข้าไปหา

“อะไร?”

“นั่งลงสิ” ผมนั่งลงข้างๆ เค้าอย่างว่าง่ายก่อนที่เค้าจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าผมพร้อมทั้งเลิกผ้าขนหนูขึ้นจนผมนึกหวั่นใจไปเลยทีเดียว
“แค่จะทำแผล” เหมือนเค้าจะรู้ว่าผมสะดุ้งมั้งครับ

“ดะเดี๋ยวทำเองก็ได้”

“กลัว”

“ใครบอก? งั้นก็รีบๆ ทำสิหนาว”

“พี่บอกเหรอว่าไม่ต้องแต่งตัวหรือจะยั่ว”
เชื่อเถอะว่าเราสองคนตกลงกันมาดีแล้ว แต่ผมกลับเป็นฝ่ายประหม่าเองซะมากกว่าเวลาที่เค้าแทนตัวเองว่าพี่และเรียกผมว่าน้องจา

“เคยยั่วได้เหรอ? รีบๆ ทำไปเหอะ” ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะผมยั่วเค้าไม่ได้ผลเหมือนผู้ชายคนนี้จะด้านชาไปแล้ว แต่ถ้าเค้าโกรธหรือเอาจริงเมื่อไหร่ต่อให้ใส่เสื้อผ้าแน่นหนามันก็คงช่วยอะไรไม่ได้
อันนี้ความคิดในอนาคตที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นจบปิ้ง!
“อูย! อาวุธแสบอ๊า” ผมจับมือเค้าเอาไว้ก่อนจะรั้งให้ออกห่างจากแผลของตัวเอง

“พี่บอกแล้วนี่ว่าอย่าให้เปียกน้ำ ไม่กลัวแผลเน่าแล้วต้องตัดขาเหรอ”

“ปากเหรอ? ไม่ต้องทำแล้วเดี๋ยวทำเอง”

“ดื้อ!

“นี่!

“หรือจะเถียง อยู่เฉยๆ ได้แล้วพี่ทำไม่ถนัด”
โอเคยอม แต่ก็นะกว่าที่เค้าจะทำแผลให้ผมเสร็จก็นานมากเลย จะอะไรก็ตามแต่ที่แน่ๆ ผมดิ้นตลอดเวลาที่ปลายนิ้วของผมแตะลงที่เรียวขาของตัวเอง
>/////////////////////<
เพื่อ?

หลังจากที่คนบ้าอำนาจทำแผลให้ผมจนเสร็จเรียบร้อยเค้าก็ลุกออกไปจากห้องแทบจะทันทีส่วนผมก็ลุกขึ้นไปแต่งตัวบ้างก่อนจะเดินลงมาด้านนอก เจอคนจอมบงการระดับสูงกำลังนั่งอ่านหนังซื้ออยู่ตรงห้องนั่งเล่น ท่านเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมก่อนจะส่งยิ้มให้แต่ผมกลับเบือนหน้าหนีซะงั้น
ขนาดแก่ยังหล่อ งั้นแสดงว่าตอนหนุ่มๆ สาวคงติดตรึมแถมเจ้าเล่ห์สุดๆ ไปเลยด้วย
“มาคุยกับปู่ก่อนสิ” คงเพราะเห็นว่าผมกำลังจะเดินหนีละมั้งท่านถึงได้เรียกไว้ ผมถอนหายใจไปทีนึงก่อนที่เดินเข้าไปหายกมือไหว้ท่านพอเป็นพิธี ตามจริงไม่ต้องก็ได้แต่เพราะผมทำไว้เยอะเลยต้องนอบน้อมไว้ก่อน
“มองใกล้ๆ แล้วนึกแม่ของหลานนะ” เสียงของท่านเอ่ยออกมาก่อนที่รอยยิ้มอ่อนโยนจะส่งมาให้ผม
แปลกใจนิดหน่อยว่าท่านเคยเจอแม่ผมด้วยเหรอ? อยากถามแต่วางฟอร์มเงียบไว้ก่อน


“ตามจริงแล้วปู่อยากให้แม่ของหลานแต่งงานกับพ่อของอาวุธ แต่เพราะพวกเค้าสองคนไม่รักกันละมั้งถึงได้วางแผนกันแล้วช่วยให้ต่างฝ่ายได้สมหวังกับคนที่ตัวเองรัก” ผมไม่ได้ถามแต่ท่านเล่าและแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ผมอยากฟังมากที่สุด
อีกประเด็นทำไมแม่ถึงต้องพาผมไปฝากไว้กับพ่อด้วย

“แล้วทำไมผมถึงไปอยู่กับพ่อ ผมหมายถึงพ่อเลี้ยงจอมพลนะครับ” มันสงสัยก็เลยต้องถาม คนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะวางหนังสือลงบนโต๊ะขยับตัวมานั่งใกล้ๆ ผม ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกว่าท่านหล่อสุดๆ ไปเลย

“ปล่อยให้อดีตมันผ่านไปเถอะ เพราะบางครั้งความจริงอาจจะเจ็บปวด”

“สุดท้ายก็ขี้โม้ ตามจริงท่านไม่รู้ซะมากกว่า” ผมว่าแล้วขยับตัวหนีจนได้ยินเสียงหัวเราะของคุณปู่

“ก็คงงั้น, ว่าแต่อาวุธไปไหนซะละ”

“ไม่ทราบครับ ไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย” กวนปะละกับคนแก่ก็ยังไม่เว้น แต่ถึงขั้นเลือกผมให้แต่งงานกับหลานของเค้าแล้วละก็ผมก็ต้องได้รับสิทธิพิเศษสิ จริงไหม?

“แสบเหมือนนักรบไม่มีผิด ท่าทางเจ้าเด็กนั่นจะได้คู่ปรับใหม่ที่เท่าเทียมกัน” คำพูดของท่านเรียกความสงสัยให้ผมอีกตามเคยจนเรียวคิ้วทั้งสองข้างต้องขมวดเค้าหากัน
ตระกูลนี้ทำไมเยอะคนจัง!!! -_-‘

“ใครครับ?” พ่อสอนไว้ อยากรู้ก็ต้องถาม

“ลูกชายของอาวุธ!!!
หืม? ท่านโกหกผมใช่ไหมอาวุธมีลูกแล้วงั้นเหรอ

ช็อค!!! สักสามวินาทีได้ไหม? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ถ้าหากว่าเค้ามีลูกแล้ว งั้นก็หมายความว่าต้องมีเมียด้วยสิครับ แล้วแบบนี้จะให้ผมจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายคนนี้เพื่ออะไร

ปัง!
รู้อะไรไหม? หลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้นผมก็แทบวิ่งกลับมาที่ห้องของตัวเองเกือบไม่ทันจะด้วยอะไรก็ช่างแต่ทุกอย่างในสมองมันตันไปหมดแล้ว ผมช็อคไปชั่วขณะก่อนจะรับรู้ได้ว่ามีอะไรหลายๆ อย่างที่ผมยังไม่รู้และพวกเค้าทุกคนพยายามจะปิดบัง
แอด!!!
เร็วเกินไปหรือเปล่าหลังจากที่ผมเดินเข้ามาในห้องได้ไม่นาน ความสงสัยที่ถาโถมเข้ามาก็เดินตามเข้ามาด้วยเหมือนเค้าจะรู้แล้วมั้งครับว่าคุณปู่ของเค้าบอกอะไรกับผมบ้าง?
ผมไม่อยากร้องไห้เพราะผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้ แต่ความรู้สึกดีๆ นี่สิที่กำลังฆ่าผมให้ตายลงอย่างช้าๆ
“บอกมาสิ, ว่ายังปิดบังอะไรไว้อีก!!!” อาวุธเดินตรงเข้ามาหาผมก่อนที่นั่งลงข้างๆ แต่ผมกลับขยับตัวหนีก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น ผมไม่ได้ร้องไห้แต่ข้างในกลับไม่ใช่เหมือนมันกำลังมีน้ำตา

“เค้าไม่ได้เรียกปิดบัง แค่พูดความจริงไม่หมด”

“มันสนุกมากเหรอที่เห็นคนอื่นเค้าเป็นตัวตลกนะ!” คำตอบที่ฟังดูเหมือนกำลังกวนประสาทของเค้าทำให้ผมอารมณ์ขึ้น ถึงจะอายุมากกว่าก็จริงแต่ตอนนี้ผมไม่อยากเชื่อฟังหรือแม้แต่เชื่อในคำพูดของเค้าอีกแล้ว
โกหกกันทั้งบ้าน!!!

“จา, อย่าขึ้นเสียง”

“จะขึ้น! บอกมาสิบอกมาให้หมด” ผมหันกลับมามองหน้าเค้าตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเหมือนอยากร้องไห้ รู้สึกได้เลยว่าดวงตาทั้งสองข้างมันแดงกร่ำไปหมดแล้วมันอึดอัดโคตรๆ

“ก็ได้ พี่จะบอก” เค้าเอื้อมมือมาจับปลายคางบังคับให้จ้องหน้าสบตากับเค้าเอาไว้ทั้งๆ ที่ผมพยายามจะหลบสายตาเพราะรู้สึกเหมือนน้ำตาอยากจะไหล

“พี่เป็นมาเฟีย” ผมได้แต่จ้องหน้าเค้านิ่งๆ เมื่อคำพูดพวกนี้เริ่มออกมา “ที่ไม่บอกก็เพราะไม่อยากให้กลัวและอีกอย่างมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมาก”

“พูดได้นี่อาวุธหรือผมไม่ใช่เมีย ก็แค่ใครคนหนึ่งที่ถูกลากเข้ามาแล้วจดทะเบียนสมรสด้วยทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหาไปวันๆ ไม่ต้องรับรู้ความจริงอะไรสักอย่าง” สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลออกมาจนได้ ตื้นตันใจไปซะหมด
T^T!

“จา, พี่ไม่เคยคิดแบบนี้เลยนะ”

“พูดต่อสิ” สีหน้าของเค้าดูจะเป็นกังวลมากก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะคอยเกลี่ยน้ำตาที่ไหลลงมาให้กับผมอย่างอ่อนโยน

“ก็อยากที่คุณปู่บอก พี่มีลูกแล้ว
พรึบ!
ผมลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อเค้ากล้ายอมรับความจริง รู้อะไรไหมผมภาวนาให้เรื่องนี้ไม่ใช่ความจริงเพราะผมไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งๆ ที่เค้าเองก็มีลูกอยู่แล้วก็เท่ากับว่าจะใครก็ได้ทั้งนั้นสินะ

“หึ, คิดจะทำตัวเป็นผู้ชายนิสัยแย่เหรอครับพี่อาวุธ นึกอยากจะมีเมียสักกี่คนก็ได้โดยไม่สนใจคนข้างหลังนะ ผมไม่ได้เลวถึงขนาดจะพรากครอบครัวใครหรอกน่ะครับ” ผมเน้นทุกคำยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองที่ไหลลงมาเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดไหลและเหมือนว่าจะไหลลงมาเรื่อยๆ

“จาไม่ได้พราก พี่มีแค่นักรบแต่ผู้หญิงคนนั้นเธอทิ้งพี่ไปแล้ว พี่ยอมรับว่าทั้งหมดมันเกิดจากคำสั่งของคุณปู่ ที่พี่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อปกป้องนักรบ”

“แล้วผมละ? พี่ไม่ปกป้องแถมยังทำเหมือนผมไม่ใช่คนแต่เป็นสิ่งของที่ถูกโยนไปไหนมาไหนก็ได้”

“พี่ขอโทษ!
เพี๊ยะ!!!
ผมตบหน้าเค้าไปทีนึงก่อนจะถอยกรูออกมาให้ห่างกว่าเดิม น้ำตาที่ว่าอยากจะหยุดไหลกลับไปพรากยิ่งกว่าสายน้ำ
ปกป้องลูกงั้นเหรอ? ทำได้ดีนี่

“ผมจะไม่ถอนแหวนเพราะมันเป็นของผม แต่ใบหย่านะผมจะเซ็น!!!

“จาวา!

“พอกันทีกับเรื่องหลอกลวงและความรู้สึกแย่ๆ แบบนี้ไม่ลองเป็นผมคุณไม่มีทางเข้าใจหรอก คุณมาเฟียเลือดเย็น!” เราสองคนจ้องหน้ากันสบสายตาจนผมยอมแพ้และหันหลังให้กับเค้าแต่ทว่าร่างกายกลับก้าวไปไหนไม่ได้
หมับ!
ร่างสูงโผล่เข้ามารั้งผมเอาไว้ก่อนจะสวมกอดจากด้านหลัง ผมไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไรแต่ที่แน่ๆ ผมเกลียดน้ำตา เกลียดความรู้สึกแย่ๆ แบบนี้ที่สุดเลยด้วย

“พี่ขอโทษ ขอร้องละ?”

“พอเถอะ! เราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกอยู่แล้วจะอยู่ด้วยกันไปก็เปล่าประโยชน์สู้จากกันซะตอนนี้ไม่ดีกว่าเหรอความรู้สึกมันจะได้ไม่ถลำลึกไปมากกว่านี้อีก!!!!” เค้าไม่ได้ตอบอะไรผมแต่กลับสวมกอดเอาไว้จนแน่น
“ผมจะกลับตรัง!

“พี่ไม่ให้กลับหรอกนะ”

“ห้ามได้เหรอ? ผมจะกลับอย่าทำให้ความรู้สึกมันแย่ไปมากกว่านี้เลย

“จา!

“ปล่อยให้น้องกลับไปเถอะอาวุธ สุดท้ายเราก็รั้งเค้าไว้ไม่ได้หรอกถ้าอยากจะไปซะขนาดนี้” น้ำเสียงของคุณปู่จอมเจ้าเล่ห์ดังขึ้นมาพร้อมกับประตูห้องที่เปิดออก ท่านเดินมากับพี่ซินสีหน้าท่านที่มองผมเหมือนกำลังผิดหวัง
แล้วผมละไม่มีสิทธิ์ผิดหวังเลยเหรอ? หรือแม้แต่โกรธที่พวกเค้าโกหกผมแบบนี้!

“คุณปู่!

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ท่านก่อนพูดออกมาเหมือนจะไม่เหลือเยื่อใยหลังจากที่ท่านพูดจบผมก็ตอบกลับไปทันทีก่อนจะสะบัดแขนที่ถูกเกาะกุมอยู่ออกแล้วเดินจากมาทันที
อย่าทำร้ายกันไปมากกว่านี้เลยจะดีกว่า เพราะผมกลัวกลัวว่าถ้าสักวันหนึ่งผมเกิดรักเค้าขึ้นมา ผมจะถอนตัวไม่ขึ้นเมื่อตัวจริงของเค้ากลับมา
ผมยอมเหงาหรือไม่มีใคร ดีกว่าต้องเจ็บปวด!!!





_________________________
เด็กน้อยงอแงแล้วไง? อยากกลับตรัง
จะด้วยอะไรก็ตาม จาวามีความรักแล้วแต่ไม่รู้ตัว
ฮาาาาาา
อาการหึง บวกไม่เข้าใจ!!!